แนวโน้มคนรุ่นใหม่เลือกซิ้อบ้านยุคหลังโควิด
หากคุณคือคนอายุ25-35ปีที่ฝันกำลังจะซื้อบ้านสักหลังหนึ่งคุณอาจจะต้องคิดใหม่เมื่อเห็นราคาบ้านในเมืองค่อนข้างสูงอันเนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับสูงขึ้นทุกๆปีทำให้การหาซื้อบ้านของคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวนั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบากไหนจะค่าผ่อนรถไหนจะค่ากินอยู่ไหนจะค่าสังคมสังสรรค์เพื่อนฝูงอีกมากมาย
อย่างไรก็ตามพื้นที่อยู่อาศัยที่เล็กลงแออัดมากขึ้นก็เข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันเนื่องจากราคาที่ย่อมเยาว์กว่าสามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นแต่นั้นก็แลกมากับความแออัดที่มากขึ้นเช่นคอนโดมิเนียมหรือทาวน์โฮมซึ่งมีจำนวนยูนิตค่อนข้างเยอะมีผู้คนอาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่ค่อนข้างมากทำให้อาจจะเกิดปัญหาตามมาเช่นการรบกวนความเป็นส่วนตัวซึ่งกันและกันการใช้ประโยชน์บนพื้นที่สาธารณะทับซ้อนกันหรือการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อของคนที่อาศัยใกล้เคียงกัน
บ้านชั้นเดียวชานเมืองในปัจจุบันนี้กลายมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อบ้านใหม่ในยุคหลังโควิดด้วยเหตุผลหลากหลายประการดังนี้
- เดินทางสะดวกถนนกว้างขวางรถไม่ติด
- การเดินทางในปัจจุบันนี่ค่อนข้างสะดวกทุกคนส่วนใหญ่มีรถยนต์สามารถเดินทางไปไหนมาได้โดยรถยนต์ส่วนตัวอีกทั้งถนนหนทางชานเมืองมีการพัฒนาก่อสร้างอย่างต่อเนื่องทำให้การสัญจรเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วกว่าสมัยก่อนและที่สำคัญการเดินทางชานเมืองนั้นการจราจรคล่องตัวอย่างมากสามารถเดินทางในระยะไกลโดยใช้เวลาเพียงไม่นานซึ่งแตกต่างจากการเดินทางในเมืองเสียเวลาไปกับรถติดพอสมควร
- การเติบโตสูงในพื้นที่ชานเมือง
- แม้ว่าราคาอสังหาทุกพื้นที่มีการเติบโตทุกๆปีแต่อัตราการเติบโตนั้นไม่เท่ากันบางที่เติบโต9%ในปีที่ผ่านมาในขณะที่บางพื้นที่เติบโตเพียง3%นั้นก็เป็นเพราะว่าบางพื้นที่นั้นมีการพัฒนาเต็มศักยภาพของที่ดินแล้วไม่สามารถเติบโตต่อไปอีกได้ทำให้ราคาบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ได้โตแบบกระโดดเหมือนพื้นที่ๆยังสามารถพัฒนาได้อยู่
- อย่างไรก็ตามนั้นพื้นที่อยู่อาศัยชานเมืองยังเป็นพื้นที่ๆสามารถพัฒนาเติบโตได้อีกมากทั้งสาธารณูปโภคการคมนาคมขนส่งสาธารณะซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ราคาบ้านชานเมืองจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด
- ราคาจับต้องได้
- แน่นอนว่าบ้านที่อยู่ชานเมืองในตอนนี้นั้นย่อมมีราคาที่ถูกกว่าบ้านในเมืองอย่างไรก็ตามในอนาคตเมื่อมีการพัฒนาขยายเมืองมากขึ้นพื้นที่ชานเมืองก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในเมืองและราคาก็จะสูงขึ้นจนจับต้องได้ยากขึ้น
- ไม่แออัดและเป็นส่วนตัว
- การมีบ้านอยู่ชานเมืองนั้นส่วนใหญ่จะอยู่อาศัยแบบไม่แออัดเนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างมีที่จอดรถที่ไม่ต้องไปเบียดเสียดหรือขวางหน้าบ้านใครซึ่งตรงกันข้ามกับบ้านในเมืองซึ่งบางทีมีรถจอดแน่นเต็มซอยต้องเบียดต้องแย่งกันหาที่จอดรถเป็นต้น
- บ้านที่มีลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์หรือคอนโดมิเนียมนั้นจะมีผนังที่ติดกันต้องใช้ร่วมกันเพื่อนบ้านซึ่งบางครั้งเราหรือเขาอาจจะทำเสียงดังโดยไม่ตั้งใจทำให้ต่างฝ่ายต่างรบกวนความเป็นส่วนตัวซึ่งกันและกัน
- เป็นปัจเจก จะทุบ ต่อเติม เปลี่ยนแปลง สร้างใหม่ ขึ้นอยู่กับเราเพียงคนเดียว
- เมื่อเวลาผ่านไป อาคาร บ้านของเราก็เริ่มเก่าลง ถ้าหากเป็นบ้านทาวน์เฮาส์หรือคอนโดมิเนียม เราจะไม่สามารถทุบ เปลี่ยนแปลง ดัดแปลงใดๆได้เลย ทำได้อย่างมากคือต่อเติม หรือรีโนเวทภายใน
- การที่เป็นบ้านเดี่ยวนั้น เราสามารถทุบต่อเติม ซ่อมแซม แก้ไขสร้างใหม่ อย่างไรก็ได้ในอนาคต เพราะที่ดินเป็นของเรา และไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านติดกับคนอื่น
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
- ในปัจจุบันความเจริญเข้าถึงทุกๆพื้นที่พื้นที่ชานเมืองในปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ต่างไปจากในเมืองผู้คนสามารถเดินทางไปร้านสะดวกซื้อไปห้างสรรพสินค้าไปตลาดหรือซื้อKFCแมคโดนัลได้หรือแม้กระทั่งสั่งอาหารแบบDeliveryมาส่งถึงบ้าน
- พื้นที่ชานเมืองเป็นที่ตั้งของแหลงชุมชนการค้าขายสถานที่ราชการมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานครบเช่นไฟฟ้าน้ำประปารวมไปถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงซึ่งจะแตกจ่างจากพื้นที่ชนบทซึ่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้